จะดีกว่าไหมถ้าคุณสามารถลดความเสี่ยงและยังคงสร้างกำไรได้? Spread Order คือกลยุทธ์การถือสถานะที่เน้นทำกำไรจากส่วนต่างราคาของ 2 สัญญา โดยช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจแนวคิด และตัวอย่างการใช้ Spread Order ที่จะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจยิ่งขึ้น!
ทำความรู้จัก Spread Order คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์มือเก๋าเลือกใช้?
Spread Order คือ กลยุทธ์การเทรดที่รวมคำสั่งซื้อและขายเข้าด้วยกันเป็นชุดคำสั่งเดียว เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาของสินทรัพย์หรือสัญญาที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะเทหน้าตักไปที่ทิศทางราคาใดทิศทางหนึ่งเหมือน Outright Position
Spread Order ช่วยลดความเสี่ยงบางอย่าง เช่น ความเสี่ยงตลาด แล้วเน้นจับกำไรจากส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น ซึ่งกลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยมือใหม่ไม่ต้องกังวลกับการเปิดสถานะมากเกินไป และยังช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรแบบลดทอนความเสี่ยงลงได้อย่างมั่นใจ เช่นเดียวกับที่เทรดเดอร์มือเก๋านิยมใช้!
ประเภทของ Spread Order ที่ใช้บ่อย คุณเองก็ใช้ได้!
กลยุทธ์ที่ใช้กับ Spread Order มีหลากหลายให้คุณเลือกใช้ได้แบบไม่เบื่อ เช่น
- Intermarket Spreads เป็นการจับคู่สัญญาเทรดสินทรัพย์ตัวเดียวกันข้ามตลาด เช่น ซื้อขายหุ้นบริษัทเดียวกันระหว่าง NSE และ BSE พร้อมกัน และกินส่วนต่างกำไรระหว่างสองตลาด
- Intercommodity Spreads เป็นการเทรดสองสัญญาของสินค้าอ้างอิงคนละตัวกัน แต่มีมักมีความเคลื่อนไหวใกล้เคียงกัน เช่น การ Long ฟิวเจอร์สเงิน พร้อม Short ฟิวเจอร์สทอง
- Calendar Spreads เป็นการจับคู่สัญญาเทรดสินค้าตัวเดียวกัน แต่มีวันหมดอายุของสัญญาต่างกัน เช่น การจับคู่ Long ฟิวเจอร์สเดือนใกล้ พร้อม Short เดือนไกล
- Options Spreads เป็นการเปิดสัญญาออปชั่นหลายตัวพร้อมกันเพื่อสร้างกลยุทธ์ เช่น Vertical Spread (มี Strike Price ต่างกัน) หรือ Horizontal Spread (วันหมดอายุต่างกัน)
Bear Put Spread: ตัวอย่างการใช้ Spread Order เพื่อลดต้นทุนบน Options
Bear Put Spread คือ การทำ Spread Order เพื่อสร้างกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Option ที่มองว่าตลาดเป็นขาลงแบบปานกลางถึงลงหนักมาก และต้องการ ลดต้นทุนค่าพรีเมียม จึงเข้าซื้อและขาย Put Option ในสินค้าตัวเดียวกัน มีวันหมดอายุเท่ากัน แต่มี Strike Price แตกต่างกันคือ
- ซื้อ Put Option ที่มี Strike Price สูงกว่า
- ขาย Put Option ที่มี Strike Price ต่ำกว่า
เป้าหมายของการทำ Spread Order คู่นี้คือการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา Option เมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิงลดลง โดยที่จะมีต้นทุนการ Put ต่ำลง จากการนำค่าพรีเมียมที่ได้จากการขาย Put Option ตัวหนึ่งไปซื้อ Put Option อีกตัว
ตัวอย่างเช่น สมมติหุ้น PTT มีราคาตลาด 30 บาทต่อหุ้น จำนวน 100 หุ้น เทรดเดอร์จะ
- ซื้อ Put Option ที่มี Strike Price 35 บาท (จ่ายพรีเมียม 4.75 บาท/หุ้น = 475 บาท)
- ขาย Put Option ที่มี Strike Price 30 บาท (รับพรีเมียม 1.75 บาท/หุ้น = 175 บาท)
ทำให้มีต้นทุนสุทธิ = 475 – 175 = 300 บาท
📉 ถ้าราคา PTT ลดลงต่ำกว่า 30 บาท
- กำไรสูงสุด คิดจากส่วนต่างของ Strike Price (รับซื้อตัว 30 บาทเพื่อขายตัว 35 บาท)
(35 – 30) x 100 = 500 บาท - กำไรสุทธิ = 500 – ต้นทุน 300 = 200 บาท
📈 ถ้าราคาหุ้น PTT ไม่ลดลง
- ขาดทุนจำกัด = 300 บาท
Bear Put Spread เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ Spread Order ในการเทรด Option อย่างง่ายเพื่อล็อกกำไรจากส่วนต่างราคาสองสัญญา และลดต้นทุนการ Put ลงได้
Figure Bear Put Spread คือการใช้ Spread Order ล็อกกำไรและจำกัดการขาดทุนจากการเปิด Put Option สองสัญญาพร้อมกันเพื่อลดต้นทุนการถือสัญญา
สรุปง่าย ๆ Spread Order ตัวช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรแบบลดความเสี่ยง
Spread Order เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้แบบเสี่ยงน้อย โดยเน้นทำกำไรจากส่วนต่างของราคาสองสัญญามากกว่าจะเทหน้าตักไปในราคาทิศทางเดียว ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเทรดเดอร์มือเก๋าที่อยากเพิ่มความยืดหยุ่นให้พอร์ต Spread Order เป็นตัวช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์ได้หลากหลายและทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณลงทุนได้สบายใจ ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น!
อ้างอิง
- Spread order https://www.nasdaq.com/glossary/s/spread-order
- Spread Orders https://www.interactivebrokers.com/en/trading/orders/spread.php
- Spread Option https://www.investopedia.com/terms/s/spreadoption.asp
- What is Sread Trading https://www.bajajfinserv.in/what-is-spread-trading